โรงเรียนวัดวังรีบุญเลิศ

หมู่ที่ 7 บ้านบ้านวังรี ตำบลดุสิต อำเภอถ้ำพรรณรา จังหวัดนครศรีธรรมราช 80260

Mon - Fri: 9:00 - 17:30

075-355693

กลิ่นตัว กลิ่นใต้วงแขนการกำจัดกลิ่นทำได้ด้วยวิธีใด

กลิ่นตัว

กลิ่นตัว กลิ่นใต้วงแขน วิธีการรักษากลิ่นใต้วงแขนมีอะไรบ้าง สามารถทำได้โดยการเลเซอร์รูขุมขน และต่อมเหงื่อถูกทำลายโดยการเผาด้วยเลเซอร์ เพื่อรักษากลิ่นตัว แม้ว่าวิธีนี้จะใช้งานง่ายไม่มีรอยแผลเป็น และฟื้นตัวได้เร็วแต่ไม่ทั่วถึง การกรีดต่อมไร้ท่อ วิธีการคือ ทำการกรีดบริเวณรักแร้ ใช้น้ำยาขจัดต่อมเหงื่อเข้าสู่ผิวหนังใต้รักแร้ ค่อยๆ ทำลายต่อมเหงื่อ และขับออกจากร่างกาย

เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ในการกำจัดกลิ่นตัว ลักษณะเด่นคือ ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องเย็บแผล บาดเจ็บเล็กน้อย เลือดออกน้อย ไม่เจ็บ และไม่มีรอยแผลเป็น ไม่กระทบต่องาน การเรียน และชีวิตของผู้ป่วย หลังการผ่าตัด สามารถไปทำงานได้อปกติ การกำจัดต่อมเหงื่อของผิวหนัง มีลักษณะเฉพาะโดยการขจัดต่อมเหงื่อทั้งหมดบนผิวหนังใต้รักแร้ ซึ่งมีผลที่เชื่อถือได้ และสามารถรักษา”กลิ่นตัว”ได้อย่างสมบูรณ์

ข้อเสียคือ ความเสียหายมีขนาดใหญ่เกินไป ทำให้ผิวหนังมีตำหนิ มีเลือดออก และต้องใช้เข็ม เนื่องจากแรงตึงผิวสูงในระหว่างการเย็บ การเคลื่อนไหวของแขนขาส่วนบนถูกจำกัด ซึ่งทำให้แผลติดเชื้อได้ง่าย ทำให้แผลเป็นจากการผ่าตัดมีขนาดใหญ่ขึ้น ส่งผลต่อแขนขา การทำงานของร่างกาย โดยเฉพาะผู้ที่มีรอยแผลเป็นตามร่างกายยิ่งไม่เหมาะสม

ดังนั้นวิธีการผ่าตัดรักษานี้ จึงเหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง ซึ่งมีผลการรักษาไม่ดี หลังการรักษาอื่นๆ เท่านั้น แพทย์จึงเลือกใช้วิธีนี้อย่างระมัดระวัง สาเหตุของกลิ่นใต้วงแขน กลิ่นตัวที่เกิดจากต่อมเหงื่อ มักจะมาพร้อมกับเหงื่ออกเยอะซึ่งเป็นเรื่องปกติในฝ่าเท้า ซึ่งส่วนของเท้าก่อให้เกิดกลิ่น เนื่องจากการสลายตัวของเหงื่อโดยแบคทีเรีย ต่อมเหงื่อได้รับผลกระทบจากต่อมไร้ท่อ และจะเริ่มหลั่งออกมาในช่วงวัยรุ่นเท่านั้น

ดังนั้นโรคหลอดลมโป่งพองที่เกิดจากต่อมเหงื่อ ส่วนใหญ่มักปรากฏในวัยรุ่น และสามารถลดลง หรือหายไปในวัยชราได้ กรดไขมันไม่อิ่มตัว เกิดจากการทำงานร่วมกันของแบคทีเรีย และการหลั่งของต่อมเหงื่อ ส่งผลให้เกิดกลิ่นพิเศษ “กลิ่นตัว”ที่เกิดจากต่อมเหงื่อ เกี่ยวข้องกับปัจจัยทางพันธุกรรม เพราะผู้ป่วยส่วนใหญ่มีประวัติครอบครัว

อาการของกลิ่นใต้วงแขน เนื่องจากเหงื่อมีกลิ่นเหม็น และจะพบได้ในบริเวณที่เหงื่อออกมาก เหงื่อไม่ระเหยง่าย และมีต่อมเหงื่อเช่น รักแร้ ขาหนีบ เท้า ช่องคลอด สะดือ และใต้อกของผู้หญิงเป็นต้น โรคลมโป่งพองที่เท้า มักมาพร้อมกับเหงื่อออกที่เท้ามากเกินไป โดยมีกลิ่นฉุน ซึ่งเห็นได้ชัดเจนกว่าในฤดูร้อน ช่องคลอดของผู้ป่วยจำนวนน้อย สามารถปล่อยกลิ่นนี้ได้

ผู้ป่วยส่วนใหญ่มี ผิวหนังอ่อนในช่องหูชั้นนอก ผู้ป่วยมักมาพร้อมกับเหงื่อ สีส่วนใหญ่เป็นสีเหลือง วิธีป้องกันกลิ่นใต้วงแขน ให้เลือกเสื้อผ้าที่ใช้ก่อน อุณหภูมิในฤดูร้อนจะสูง สำหรับผู้ป่วยหญิงที่มีกลิ่นใต้วงแขน ไม่ควรเลือกผ้าไหม ถุงน่อง ผ้ายีนส์ ซึ่งจะทำให้ผิวหนังเกาะติดกับเสื้อผ้า ป้องกันการระเหยของสารคัดหลั่ง จึงกลายเป็นอาหารเลี้ยงเชื้อสำหรับแบคทีเรีย

แบคทีเรียบางชนิดผสมพันธุ์และสลายตัว ส่งผลให้เกิดกลิ่นแปลกๆ ที่กำเริบขึ้น ทางที่ดีควรเลือกเสื้อผ้าฝ้ายหลวมๆ ควรลดการระคายเคืองต่อผิวใต้วงแขน ควรโกนหรือถอนขนรักแร้บ่อยๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการงอก และการงอกของรูขุมขน หากต่อมเหงื่อมีการเจริญเติบโตมากเกินไป สามารถขับเหงื่อออกมากเกินไป เพราะมันจะเพิ่มการขับ และการหลั่งของไขมัน

รักแร้มีความชื้น ไม่มีการระบายอากาศ ง่ายต่อการขยายพันธุ์ของแบคทีเรีย มีการสลายกรดไขมันไม่อิ่มตัวมากเกินไป ซึ่งจะทำให้กลิ่นชัดเจนขึ้น ควรใส่ใจในสุขอนามัยส่วนบุคคล ใส่ใจเรื่องความสะอาด ล้างบริเวณที่ได้รับผลกระทบด้วยสบู่ อาบน้ำบ่อยๆ เปลี่ยนเสื้อผ้าบ่อยๆ เพื่อทำให้ผิวแห้งและสะอาด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เพื่อให้รักแร้ หน้าอกและส่วนอื่นๆ สะอาด ควรล้างด้วยสบู่และน้ำทุกวัน

โดยเฉพาะหลังออกกำลังกาย ควรอาบน้ำ ทำความสะอาดผิว และเปลี่ยนชุดชั้นในบ่อยๆ เพื่อลดการเติบโตของแบคทีเรีย อันตรายจากกลิ่นใต้วงแขนมักส่งผลต่อการงาน ชีวิต การสื่อสารและสุขภาพจิต “กลิ่นตัว”ผู้ป่วยจะปล่อยกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ โดยเฉพาะในฤดูร้อน เมื่ออุณหภูมิสูงเหงื่อจะแรง และกลิ่นก็จะมากขึ้น หลังจากที่คนรอบข้างได้กลิ่นแปลกๆ มักส่งผลต่อภาระทางจิตใจ เกิดความเขินอาย กระทั่งกระทบต่อปฏิสัมพันธ์ทางสังคมปกติของผู้ป่วย

กลิ่นตัวเริ่มมีความสัมพันธ์กับปัจจัยต่างๆ ได้แก่ การถ่ายทอดทางพันธุกรรม ร่างกายส่วนบุคคล และโครงสร้างต่อมเหงื่อ หากรักษาให้หายขาดไม่ได้เป็นเวลานาน ก็จะถูกส่งต่อไปยังรุ่นต่อๆ ไป ส่งผลต่อการเรียนรู้ และชีวิตของคนรุ่นต่อไปความเสียหายของผิวหนัง กลิ่นตัวยังเป็นอันตรายต่อผิวหนังได้เช่น เหงื่อออกมากเกินไปที่แผล และกลิ่นหนัก ซึ่งง่ายต่อการแพร่พันธุ์ของแบคทีเรียต่างๆ ทำให้เกิดโรคผิวหนัง เหงื่อหลั่งออกมาอย่างแรง และร่างกายส่วนใหญ่สูญเสียน้ำ ทำให้เกิดการสะสมในร่างกาย ทำให้ร่างกายมนุษย์ดูดซึมสารพิษในร่างกายซ้ำแล้วซ้ำอีกเกิดขึ้น

 

บทความอื่นที่น่าสนใจ   ➠  กระดูกคอเสื่อม สามารถป้องกันการเกิดโรคอย่างไร